วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ตะไคร้หอม


ชื่อวิทยาศาสตร์
Cymbopogon nardus Rendle. (พันธุ์ศรีลังกา)
Cymbopogon winterianus Jowitt (พันธุ์ชวา)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ตะไคร้หอม เป็นไม้ล้มลุก แตกหน่อเป็นกอเหมือนตะไคร้แกง ที่โคนต้นมีกาบเป็นชั้นๆ หุ้มลำ ต้นเป็น
ปล้องๆ ลำ ต้นเป็นสีม่วงแดง ลำ ต้นและใบใหญ่และยาวมีกลิ่นฉุนกว่าตะไคร้แกง ดอกออกเป็นช่อยาวใหญ่โน้มอ่อนลง สีนํ้าตาลแดงคลํ้า
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ปลูกได้ในดินทุกชนิด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย
ต้องการแสงแดดจัด
ทนต่อความแห้งแล้ง แต่ถ้าให้นํ้าสมํ่าเสมอ บำ รุงรักษาดีจะให้ผลผลิตสูงตลอดปี
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการปลูก คือ เดือนพฤษภาคม

การเตรียมพันธุ์ปลูก
ตัดแต่งให้มีข้ออยู่ 2-3 ข้อ
มีกาบใบหุ้มข้ออยู่ 4-5 ใบ
ตัดปลายใบออก
การเตรียมแปลงปลูก
ไถพรวนดิน กำ จัดเศษวัชพืชออกจากแปลง ใส่ปุ๋ยคอกคลุกเคล้าให้เข้ากันดี ปรับพื้นที่ให้
เรียบ
ถ้าปลูกในกระถาง ควรใช้กระถางที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 12 นิ้ว ใส่ดินร่วน
ซุยที่มีอินทรีย์วัตถุ
การปลูก
ระยะระหว่างต้น และระหว่างแถว 1.5 x 1.5 เมตร
ขุดหลุมขนาด กว้าง x ยาว x ลึก 15 x 15 x 15 เซนติเมตร
นำต้นพันธุ์ที่เตรียมไว้ปลูก 3 ต้นต่อหลุม หรือต่อกระถาง
การดูแลรักษา
รดนํ้าสมํ่าเสมอเพื่อให้แตกกอได้ผลเร็วขึ้นและให้ผลผลิตตลอดปี
กำ จัดวัชพืชปีละ 2 ครั้ง ด้วยการใช้จอบ
ใช้ปุ๋ยสูตร 16-16-8 หรือ 16-20-0 หรือ 15-15-15 อัตราการให้ขึ้นอยู่กับความ
สมบูรณ์ของดิน
หลังจากการเก็บเกี่ยวแล้ว ควรหว่านปุ๋ยยูเรียหรือแอมโมเนียซัลเฟต อัตรา 15-20
กิโลกรัม/ไร่ เพื่อให้แตกใบใหม่เร็วขึ้น โดยใบขนาดใหญ่ และมีปริมาณนํ้ามันหอมระเหย
มากขึ้น
การเก็บเกี่ยว
เก็บเกี่ยวได้หลังปลูก 6-8 เดือน อายุการให้ผลผลิต 2-3 ปี
ตัดเอาส่วนใบ ซึ่งอยู่เหนือพื้นดิน 25-30 เซนติเมตร เพื่อให้ต้นที่เหลือแตกใบใหม่ได้เร็ว
ขึ้น
เก็บเกี่ยวแต่ละครั้งให้ห่างกัน 3 เดือน ตัดได้ปีละ 2-3 ครั้ง
ผึ่งใบที่ตัดมาไว้ 1-2 วัน ก่อนนำ ไปสกัดนํ้ามัน
ผลผลิต
ใบสด 1 ตัน/ครั้ง/ไร่
อัตราการแปรรูป
ใบสด : นํ้ามันหอมระเหย เท่ากับ 1 ตัน : 1 ลิตร
ส่วนที่ใช้ประโยชน์
ใบสด
สาระสำ คัญ
• geraniol, citronellal และ citronellol
สรรพคุณ
ไล่ยุง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น