วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กราวเครือ


ชื่อวิทยาศาสตร์
Pueraria mirifica Airy Shaw & Suvatabandhu.
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
กราวเครือเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ เนื้อแข็ง ผลัดใบ มีหัวใต้ดินคล้ายหัวมันแกว ก้านใบหนึ่งใบมีใบย่อย 3 ใบ เรียงสลับกัน เนื้อใบด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนสั้นๆ ประปราย ดอกเป็นช่อยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ดอกมีสีส้ม ฝักเล็กแบนบางคล้ายฝักถั่ว มีเมล็ด 3-5 เมล็ด/ฝัก
พันธุ์
กวาวเครือที่ใช้กันมากมี 2 พันธุ์ คือ กวาวเครือขาวและกวาวเครือแดง
กวาวเครือขาว มักพบมีหัวลักษณะกลม มียางสีขาว มีสารออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง
ต้นเป็นเครืออาศัยพันต้นไม้อื่นหรือเลื้อยตามดิน
กวาวเครือแดง มักพบหัวมีรูปร่างยาว มีสรรพคุณเสริมสุขภาพของบุรุษ ต้นขึ้นจากดินโดย
ไม่ต้องอาศัยพันต้นไม้อื่น

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ดินมีค่า pH ประมาณ 5.5
พื้นที่ปลูกอยู่สูงกว่าระดับนํ้าทะเล 300-900 เมตร
ป่าเบญจพรรณหรือป่าไผ่
ยังไม่มีรายงานว่าดินชนิดใดมีความเหมาะสมในการปลูกกวาวเครือ
การคัดเลือกพันธุ์
กวาวเครือที่มีปริมาณสารเคมีในหัวมาก
กวาวเครือมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งส่วนที่อยู่เหนือดินและใต้ดิน
กวาวเครือที่มีจำนวนหัวมาก
การปลูก
ปลูกร่วมกับไม้ยืนต้นในระบบวนเกษตร เช่น ไผ่ สัก ปอสา หรือ ไม้ผลอื่นๆ
ปลูกกลางแจ้งโดยไม่ต้องทำ ค้างไม้ไผ่
โรคแมลง
พบว่ามีหนอน แมลงหลายชนิดหอยทากและตุ่นเป็นแมลงศัตรูของกวาวเครือในธรรมชาติ
การเก็บเกี่ยว
ขุดหัวและผ่าหัวภายใน 3-4 วัน ถ้าทิ้งไว้นานหัวจะแห้งและเน่า
ปอกเปลือกออก ใช้มีดฝานเป็นชิ้นบางๆ ตากแดด 3 วัน เมื่อแห้งสนิทบรรจุลงกระสอบ
แล้วนำ ไปจำ หน่าย
ปกติแล้วกวาวเครือที่เก็บเกี่ยวจะมีขนาดหัวใหญ่กว่า 2 กิโลกรัม และยังไม่มีรายงานว่าหัวกวาวเครืออายุเท่าไร ขนาดใดและขุดฤดูกาลไหนจะให้หัวที่มีสารสำคัญที่ต้องการมากที่สุด
ส่วนที่ใช้ประโยชน์
หัวแห้ง
สาระสำ คัญ
สารออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน ได้แก่ mirosterol
สรรพคุณ
เป็นยาอายุวัฒนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น