ชื่อวิทยาศาสตร์
Pueraria mirifica Airy Shaw &
Suvatabandhu.
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
กราวเครือเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ เนื้อแข็ง
ผลัดใบ มีหัวใต้ดินคล้ายหัวมันแกว ก้านใบหนึ่งใบมีใบย่อย 3 ใบ เรียงสลับกัน เนื้อใบด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนสั้นๆ
ประปราย ดอกเป็นช่อยาวประมาณ 30 เซนติเมตร
ดอกมีสีส้ม ฝักเล็กแบนบางคล้ายฝักถั่ว มีเมล็ด 3-5 เมล็ด/ฝัก
พันธุ์
กวาวเครือที่ใช้กันมากมี 2 พันธุ์ คือ กวาวเครือขาวและกวาวเครือแดง
• กวาวเครือขาว มักพบมีหัวลักษณะกลม
มียางสีขาว มีสารออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง
ต้นเป็นเครืออาศัยพันต้นไม้อื่นหรือเลื้อยตามดิน
• กวาวเครือแดง มักพบหัวมีรูปร่างยาว
มีสรรพคุณเสริมสุขภาพของบุรุษ ต้นขึ้นจากดินโดย
ไม่ต้องอาศัยพันต้นไม้อื่น
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
• ดินมีค่า pH ประมาณ 5.5
• พื้นที่ปลูกอยู่สูงกว่าระดับนํ้าทะเล
300-900 เมตร
• ป่าเบญจพรรณหรือป่าไผ่
• ยังไม่มีรายงานว่าดินชนิดใดมีความเหมาะสมในการปลูกกวาวเครือ
การคัดเลือกพันธุ์
• กวาวเครือที่มีปริมาณสารเคมีในหัวมาก
• กวาวเครือมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งส่วนที่อยู่เหนือดินและใต้ดิน
• กวาวเครือที่มีจำนวนหัวมาก
การปลูก
• ปลูกร่วมกับไม้ยืนต้นในระบบวนเกษตร
เช่น ไผ่ สัก ปอสา หรือ ไม้ผลอื่นๆ
• ปลูกกลางแจ้งโดยไม่ต้องทำ
ค้างไม้ไผ่
โรคแมลง
• พบว่ามีหนอน แมลงหลายชนิดหอยทากและตุ่นเป็นแมลงศัตรูของกวาวเครือในธรรมชาติ
การเก็บเกี่ยว
• ขุดหัวและผ่าหัวภายใน
3-4 วัน ถ้าทิ้งไว้นานหัวจะแห้งและเน่า
• ปอกเปลือกออก ใช้มีดฝานเป็นชิ้นบางๆ
ตากแดด 3 วัน เมื่อแห้งสนิทบรรจุลงกระสอบ
แล้วนำ ไปจำ หน่าย
•
ปกติแล้วกวาวเครือที่เก็บเกี่ยวจะมีขนาดหัวใหญ่กว่า 2 กิโลกรัม และยังไม่มีรายงานว่าหัวกวาวเครืออายุเท่าไร ขนาดใดและขุดฤดูกาลไหนจะให้หัวที่มีสารสำคัญที่ต้องการมากที่สุด
ส่วนที่ใช้ประโยชน์
•
หัวแห้ง
สาระสำ คัญ
•
สารออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน ได้แก่ mirosterol
สรรพคุณ
• เป็นยาอายุวัฒนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น