ชื่อวิทยาศาสตร์
Amorphophallus oncophyllus Prain
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
บุกเนื้อทรายเป็นพืชหัวประเภทล้มลุก หัวใต้ดิน (ลำ ต้นจริง) ลักษณะกลมแป้น ลำ
ต้นสูงประมาณ 1 เมตรลักษณะอวบนํ้า ผิวเรียบ ลำ ต้นมีสีและลายแตกต่างกัน
ใบเกิดบริเวณปลายสุดของต้น แยกเป็น 3ก้าน แต่ละก้านมี 2
ใบย่อย ลักษณะพิเศษที่บุกเนื้อทรายแตกต่างกับบุกชนิดอื่นๆ คือ จะมีหัวบนใบเกิดขึ้นตรงแยกก้านใบที่ปลายสุดของลำ
ต้น ตรงจุดแยกระหว่างใบย่อยและตรงจุดแยกเส้นใบขนาดใหญ่ของริ้วใบย่อย
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
• ชอบดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง
มีการระบายนํ้าดี pH 5-6.5
• แสงแดดรำ ไร หรือมีการพรางแสง
50 เปอร์เซ็นต์
• ต้องไม่มีลมพัดแรง เพราะต้นบุกหักล้มง่าย
• ปริมาณนํ้าฝนระดับปานกลางควรมีแหล่งนํ้าสำ
รองหลังฝนทิ้งช่วง
การเตรียมแปลงปลูก
• ไถดะและไถพรวน ใส่ปุ๋ยคอก
• การยกร่องขึ้นอยู่กับขนาดของหัวพันธุ์
คือ ตํ่ากว่า 400 กรัม โดยประมาณ ให้ยกร่อง
กว้าง
60 เซนติเมตร ถ้าหัวขนาดใหญ่กว่าให้ยกร่องกว้าง 80 เซนติเมตร ความสูงของร่อง
30 เซนติเมตร และระยะระหว่างร่อง 50 เซนติเมตร
การเตรียมหัวพันธ์
• การปลูกด้วยหัวบนใบ คัดขนาดนํ้าหนัก
2.5 กรัม
• การปลูกด้วยหัวใต้ดิน แบ่งหัวพันธุ์เป็นกลุ่มๆ
ตามนํ้าหนักโดยประมาณ ดังนี้
- ขนาดใหญ่ นํ้าหนัก
400 กรัม/หัวขึ้นไป
- ขนาดกลาง นํ้าหนัก
200-400 กรัม/หัว
- ขนาดเล็ก นํ้าหนัก
50-200 กรัม/หัว
การปลูก
การปลูกด้วยหัวใต้ดิน
• หัวพันธุ์ขนาดใหญ่ ใช้ระยะปลูกระหว่างแถวและระหว่างต้น
40 X 40 เซนติเมตร (ร่องละ
2 แถว)
• หัวพันธุ์ขนาดกลางและขนาดเล็ก
ใช้ระยะปลูก 30 X 30 เซนติเมตร (ร่องละ
2 แถว)
•
ฝังให้ส่วนหัวอยู่ลึกจากผิวดิน 5 เซนติเมตร โดยหน่อจะฝังดินหรือโผล่ขึ้นมาก็ได้
•
ให้นํ้าหลังปลูกทุก 3-5 วัน ในช่วงแล้ง
การปลูกด้วยหัวบนใบ
•
ใช้ระยะปลูก 30 X 20 เซนติเมตร
•
ขุดหลุมปลูกให้ลึกจากผิวดิน 3 เซนติเมตร โดยวางให้ส่วนที่มีขนาดใหญ่สุดตั้งขึ้นแล้วกลบ
ดิน
•
คลุมร่องนํ้าด้วยฟางเพื่อรักษาความชุ่มชื้น
•
ให้นํ้าหลังปลูกทุก 3-5 วัน ในช่วงแล้ง
การพรางแสง
•
ตั้งร้านให้สูงจากดินประมาณ 2 เมตร แล้วกางตาข่ายพรางแสง
50 เปอร์เซ็นต์ คลุมทั้งแปลง
•
เลือกใช้ไม้ยืนต้นช่วยพรางแสง ควรใช้ไม้ใบเล็กที่ผลัดใบในฤดูแล้ง และมีใบโปร่งในฤดูฝน
มีอายุใบ 4-5 เดือน เช่น ประดู่อ่อน เป็นต้น
การดูแลรักษา
•
ในช่วงที่ฝนไม่ตกควรให้นํ้าทุก 3-5 วัน
•
หลังปลูก 1 เดือนครึ่ง ใส่ปุ๋ยสูตร
15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัม/ไร่
•
หลังปลูก 3 เดือน ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21
อัตรา 30 กิโลกรัม/ไร่
•
การกำ จัดวัชพืชต้องทำ อย่างต่อเนื่องและสมํ่าเสมอ โดยเฉพาะก่อนใส่ปุ๋ย
ควรใช้มือถอน
วัชพืชบนร่อง
หรือใช้จอบดายระหว่างร่องและกลบโคน ในการใช้จอบต้องระวังไม่ให้โดน
ต้นบุกด้วย
โรคแมลง
•
โรคเน่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Erwinia carotovora เข้าทำ ลายทั้งทางหัวใต้ดินและใบที่หักเป็นแผล หัวจะเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้วลามไปยังต้น
ทำ ให้ต้นหักพับลงมา การป้องกัน
กำ จัดให้หมั่นตรวจสอบแปลงสมํ่าเสมอ
ถ้าพบต้นเป็นโรคให้รีบขุดต้นและดินรอบๆ ทิ้ง
และทำ
ลายเสีย แล้วโรยปูนขาว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ
การเก็บเกี่ยว
•
การเก็บหัวบนใบ เริ่มเก็บได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน โดยเก็บหัวที่ร่วงหล่นจาก
ต้นที่แห้งหมดสภาพแล้วเท่านั้น
ต้นที่ใบยังสดจะยังไม่เก็บ นำ หัวบนใบที่ได้ไปผึ่งแดด 1-
2 วัน ใส่ถุงตาข่ายแขวนไว้ หรือใส่ตะแกรงวางเป็นชั้นๆ ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก
•
การเก็บเกี่ยวหัวใต้ดินที่มีอายุ 2-3 ปี เก็บเกี่ยวเมื่อต้นบุกตายไปแล้วมากกว่า
90
เปอร์เซ็นต์
ประมาณเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน ควรขุดด้วนความระมัดระวัง และขุดทุก
ระยะของปากหลุมปลูก
เพราะมีหัวขนาดแตกต่างกัน ถ้าดินแห้งนำ หัวบุกที่ขุดได้เก็บรวม
ไว้ในโรงเก็บได้เลย
แต่ถ้าดินเปียกควรทิ้งไว้ในแปลงให้ดินแห้งร่วงหลุดจากหัว และห้าม
ล้างนํ้าก่อนเก็บเพราะหัวบุกเน่าเสียได้ง่าย
ผลผลิต
• หัวสด 4-6 ตัน/ไร่
ส่วนที่ใช้ประโยชน์
• หัว
สาระสำคัญ
• glucomanan
สรรพคุณ
• เป็นสารให้เส้นใยอาหารสูง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น